ฟังก์ชันเกี่ยวกับตัวอักษร (character functions)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้กับข้อมูลที่มีชนิดเป็น single char (ใช้เนื้อที่ 1 byte) เท่านั้น และก่อนที่จะใช้ฟังก์ชันประเภทนี้จะต้องใช้คำสั่ง #include<ctype.h> แทรกอยู่ตอนต้นของโปรแกรม จึงจะสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันประเภทนี้ได้
- ฟังก์ชันที่เกี่ยวกับตัวอักษรที่ควรทราบ มีดังนี้
1) ฟังก์ชัน isalnum(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข (letter or digit) ถ้าข้อมูลที่เก็บไว้เป็นตัวอักษรหรือตัวเลขก็จะส่งค่ากลับที่เป็นจำนวนเต็มที่มีค่าไม่เท่ากับศูนย์มายังฟังก์ชัน และถ้าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch ไม่ได้เก็บตัวอักษรหรือตัวเลขก็จะส่งค่ากลับที่มีค่าเป็นศูนย์มายังฟังก์ชัน
รูปแบบ
isalnum(ch);
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข (letter or digit) ถ้าข้อมูลที่เก็บไว้เป็นตัวอักษรหรือตัวเลขก็จะส่งค่ากลับที่เป็นจำนวนเต็มที่มีค่าไม่เท่ากับศูนย์มายังฟังก์ชัน และถ้าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch ไม่ได้เก็บตัวอักษรหรือตัวเลขก็จะส่งค่ากลับที่มีค่าเป็นศูนย์มายังฟังก์ชัน
รูปแบบ
isalnum(ch);
2) ฟังก์ชัน isalpha(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวอักษร (letter) หรือไม่ ถ้าใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขจำนวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับมาเป็นเลขศูนย์ (0)
รูปแบบ
isalpha(ch);
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวอักษร (letter) หรือไม่ ถ้าใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขจำนวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับมาเป็นเลขศูนย์ (0)
รูปแบบ
isalpha(ch);
3) ฟังก์ชัน isdigit(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวเลข 0 ถึง 9 หรือไม่ ถ้าใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขจำนวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะไม่มีการส่งค่ากลับ
รูปแบบ
isdigit(ch);
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวเลข 0 ถึง 9 หรือไม่ ถ้าใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขจำนวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะไม่มีการส่งค่ากลับ
รูปแบบ
isdigit(ch);
- โปรแกรมตัวอย่าง แสดงการใช้งานฟังก์ชัน isalnum(ch), isalpha(ch) และ isdigit(ch)
4) ฟังก์ชัน islower(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวอักษรตัวเล็กหรือไม่ ถ้าใช่ให้ส่งค่ากลับเป็นเลขจำนวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขศูนย์ (0)
รูปแบบ
islower(ch);
5) ฟังก์ชัน isupper(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวอักษรตัวใหญ่หรือไม่ ถ้าใช่ให้ส่งค่ากลับเป็นเลขจำนวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขศูนย์ (0)
รูปแบบ
isupper(ch);
6) ฟังก์ชัน tolower(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนตัวอักษรตัวใหญ่ที่เก็บไว้ในตัวแปร ch ให้เป็นอักษรตัวเล็ก
รูปแบบ
tolower(ch);
7) ฟังก์ชัน toupper(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนตัวอักษรตัวเล็กที่เก็บไว้ในตัวแปร ch ให้เป็นอักษรตัวใหญ่
รูปแบบ
toupper(ch);
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวอักษรตัวเล็กหรือไม่ ถ้าใช่ให้ส่งค่ากลับเป็นเลขจำนวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขศูนย์ (0)
รูปแบบ
islower(ch);
5) ฟังก์ชัน isupper(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวอักษรตัวใหญ่หรือไม่ ถ้าใช่ให้ส่งค่ากลับเป็นเลขจำนวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขศูนย์ (0)
รูปแบบ
isupper(ch);
6) ฟังก์ชัน tolower(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนตัวอักษรตัวใหญ่ที่เก็บไว้ในตัวแปร ch ให้เป็นอักษรตัวเล็ก
รูปแบบ
tolower(ch);
7) ฟังก์ชัน toupper(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนตัวอักษรตัวเล็กที่เก็บไว้ในตัวแปร ch ให้เป็นอักษรตัวใหญ่
รูปแบบ
toupper(ch);
- โปรแกรมตัวอย่าง แสดงการใช้งานฟังก์ชัน islower(ch), isupper(ch), tolower(ch) และ toupper(ch)
8) ฟังก์ชัน isspace(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าค่าข้อมูลที่อยู่ในตัวแปร ch มีค่าเป็น whitespace หรือไม่ (whitespace) ได้แก่ space, tab, vertical tab, formfeed, carriage return และ new line ถ้าเป็น whitespace เพียงแค่ตัวใดตัวหนึ่ง ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับที่เป็นเลขจำนวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ถ้าไม่ป็น whitespace ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขศูนย์ (0)
รูปแบบ
isspace(ch);
9) ฟังก์ชัน isxdigit(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลตัวเลขที่อยู่ในตัวแปร ch เป็นตัวเลขฐานสิบหก (0-9, A-F, หรือ a-f) หรือไม่ ถ้าใช่ฟังก์ชันนี้จะมีการส่งค่ากลับตัวเลขที่ไม่เท่ากับศูนย์มายังฟังก์ชัน ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะส่งค่าเป็นตัวเลขศูนย์กลับมายังฟังก์ชัน
รูปแบบ
isxdigit(ch);
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าค่าข้อมูลที่อยู่ในตัวแปร ch มีค่าเป็น whitespace หรือไม่ (whitespace) ได้แก่ space, tab, vertical tab, formfeed, carriage return และ new line ถ้าเป็น whitespace เพียงแค่ตัวใดตัวหนึ่ง ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับที่เป็นเลขจำนวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ถ้าไม่ป็น whitespace ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขศูนย์ (0)
รูปแบบ
isspace(ch);
9) ฟังก์ชัน isxdigit(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลตัวเลขที่อยู่ในตัวแปร ch เป็นตัวเลขฐานสิบหก (0-9, A-F, หรือ a-f) หรือไม่ ถ้าใช่ฟังก์ชันนี้จะมีการส่งค่ากลับตัวเลขที่ไม่เท่ากับศูนย์มายังฟังก์ชัน ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะส่งค่าเป็นตัวเลขศูนย์กลับมายังฟังก์ชัน
รูปแบบ
isxdigit(ch);
- โปรแกรมตัวอย่าง แสดงการใช้งานฟังก์ชัน isspace(ch) และ isxdigit(ch)
ฟังก์ชันเกี่ยวกับสตริง (string functions)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้กับข้อมูลชนิดสตริง (string) โดยก่อนที่จะใช้ฟังก์ชันประเภทนี้จะต้องใช้คำสั่ง #include<string.h> แทรกอยู่ตอนต้นของโปรแกรมเสียก่อน จึงจะเรียกใช้ฟังก์ชันประเภทนี้ได้
- ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับสตริงที่ควรทราบ มีดังนี้
strlen(s) strcmp(s1,s2)
strcpy(s) strcat(s1,s2)
ฟังก์ชันทั่วไปที่ใช้งานบ่อย ๆ
1) ฟังก์ชัน clrscr( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการลบข้อมูลออกจากจอภาพแบบ text mode
รูปแบบ
clrscr( );
2) ฟังก์ชัน gotoxy(x,y)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คำสั่งให้ตัวชี้ตำแหน่ง (cursor) เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ระบุไว้บนจอภาพ
รูปแบบ
gotoxy(x,y );
โดยที่
x คือ ตำแหน่ง column บนจอมีค่าตั้งแต่ 1 ถึง 79 ส่วน column ที่ 80 สงวนไว้
y คือ ตำแหน่ง row บนจอภาพมีค่าตั้งแต่ 1 ถึง 24 ส่วน row ที่ 25 สงวนไว้
3) ฟังก์ชัน clreol( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ลบข้อความในบรรทัดที่ตัว cursor อยู่ โดยลบข้อความถัดจากตำแหน่งของ cursor ไปจนกระทั่งจบบรรทัด
รูปแบบ
clreol( );
4) ฟังก์ชัน deline( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ลบข้อความทั้งบรรทัดที่มีตัว cursor อยู่ จากนั้นก็เลื่อนข้อความในบรรทัดที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาแทนที่
รูปแบบ
deline( );
5) ฟังก์ชัน insline( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้แทรกบรรทัดว่าง 1 บรรทัด โดยแทรกอยู่ใต้บรรทัดที่มี cursor อยู่
รูปแบบ
insline( );
6) ฟังก์ชัน sizeof(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบขนาดของตัวแปร x ว่ามีขนาดกี่ Byte
รูปแบบ
sizeof(x);
หรือ sizeof(type);
โดยที่
x เป็นชื่อตัวแปรที่ต้องการตรวจสอบขนาด
type เป็นชนิดของตัวแปร เช่น int, float, char, double เป็นต้น
7) ฟังก์ชัน system( )
เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้สามารถเรียกใช้คำสั่งที่อยู่ใน MS-DOS มาใช้งานได้
รูปแบบ
system(“dos-command”);
โดยที่ dos-command คือคำสั่ง dos ที่ต้องการใช้ เช่น cls, dir, date, time, etc. เป็นต้น
8) ฟังก์ชัน abort( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ยกเลิกการทำงานของโปรแกรมโดยทันที่ทันใดไม่ว่าจะทำงานเสร็จหรือไม่ และจะมีข้อความบอกว่า “Abnormal program termination” แสดงออกทางจอภาพด้วย
รูปแบบ
abort( );
9) ฟังก์ชัน abs(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ค่าสัมบูรณ์ของ x โดยที่ x เป็นตัวแปรที่เก็บตัวเลขจำนวนเต็มเท่านั้น
รูปแบบ
abs(x);
10) ฟังก์ชัน labs(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่าสมบูรณ์ของ x โดยที่ x เป็นตัวแปรที่เก็บตัวเลขชนิด long integer
รูปแบบ
labs(x);
11) ฟังก์ชัน atoi(s)
เป็นฟังก์ชันที่เปลี่ยนค่า string ให้เป็นตัวเลขจำนวนเต็ม (integer) ที่สามารถนำไปคำนวณได้
รูปแบบ
atoi(s);
12) ฟังก์ชัน atof(s)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนค่า string ให้เป็นตัวเลขจำนวนทศนิยม (floating point) ที่สามารถนำไปคำนวณได้
รูปแบบ
atof( );
13) ฟังก์ชัน atol(s)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนค่า string ให้เป็นตัวเลขจำนวนเต็มชนิด long integer ที่สามารถนำไปใช้คำนวณได้
รูปแบบ
atol(s);
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการลบข้อมูลออกจากจอภาพแบบ text mode
รูปแบบ
clrscr( );
2) ฟังก์ชัน gotoxy(x,y)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คำสั่งให้ตัวชี้ตำแหน่ง (cursor) เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ระบุไว้บนจอภาพ
รูปแบบ
gotoxy(x,y );
โดยที่
x คือ ตำแหน่ง column บนจอมีค่าตั้งแต่ 1 ถึง 79 ส่วน column ที่ 80 สงวนไว้
y คือ ตำแหน่ง row บนจอภาพมีค่าตั้งแต่ 1 ถึง 24 ส่วน row ที่ 25 สงวนไว้
3) ฟังก์ชัน clreol( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ลบข้อความในบรรทัดที่ตัว cursor อยู่ โดยลบข้อความถัดจากตำแหน่งของ cursor ไปจนกระทั่งจบบรรทัด
รูปแบบ
clreol( );
4) ฟังก์ชัน deline( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ลบข้อความทั้งบรรทัดที่มีตัว cursor อยู่ จากนั้นก็เลื่อนข้อความในบรรทัดที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาแทนที่
รูปแบบ
deline( );
5) ฟังก์ชัน insline( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้แทรกบรรทัดว่าง 1 บรรทัด โดยแทรกอยู่ใต้บรรทัดที่มี cursor อยู่
รูปแบบ
insline( );
6) ฟังก์ชัน sizeof(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบขนาดของตัวแปร x ว่ามีขนาดกี่ Byte
รูปแบบ
sizeof(x);
หรือ sizeof(type);
โดยที่
x เป็นชื่อตัวแปรที่ต้องการตรวจสอบขนาด
type เป็นชนิดของตัวแปร เช่น int, float, char, double เป็นต้น
7) ฟังก์ชัน system( )
เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้สามารถเรียกใช้คำสั่งที่อยู่ใน MS-DOS มาใช้งานได้
รูปแบบ
system(“dos-command”);
โดยที่ dos-command คือคำสั่ง dos ที่ต้องการใช้ เช่น cls, dir, date, time, etc. เป็นต้น
8) ฟังก์ชัน abort( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ยกเลิกการทำงานของโปรแกรมโดยทันที่ทันใดไม่ว่าจะทำงานเสร็จหรือไม่ และจะมีข้อความบอกว่า “Abnormal program termination” แสดงออกทางจอภาพด้วย
รูปแบบ
abort( );
9) ฟังก์ชัน abs(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ค่าสัมบูรณ์ของ x โดยที่ x เป็นตัวแปรที่เก็บตัวเลขจำนวนเต็มเท่านั้น
รูปแบบ
abs(x);
10) ฟังก์ชัน labs(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่าสมบูรณ์ของ x โดยที่ x เป็นตัวแปรที่เก็บตัวเลขชนิด long integer
รูปแบบ
labs(x);
11) ฟังก์ชัน atoi(s)
เป็นฟังก์ชันที่เปลี่ยนค่า string ให้เป็นตัวเลขจำนวนเต็ม (integer) ที่สามารถนำไปคำนวณได้
รูปแบบ
atoi(s);
12) ฟังก์ชัน atof(s)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนค่า string ให้เป็นตัวเลขจำนวนทศนิยม (floating point) ที่สามารถนำไปคำนวณได้
รูปแบบ
atof( );
13) ฟังก์ชัน atol(s)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนค่า string ให้เป็นตัวเลขจำนวนเต็มชนิด long integer ที่สามารถนำไปใช้คำนวณได้
รูปแบบ
atol(s);
ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ (mathematic functions)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้สำหรับการคำนวณทางคณิตศาสตร์ และก่อนที่จะใช้ฟังก์ชันประเภทนี้ จะต้องใช้คำสั่ง #include <math.h> แทรกอยู่ตอนต้นของโปรแกรม และตัวแปรที่จะใช้ฟังก์ชันประเภทนี้จะต้องมีชนิด (type) เป็น double เนื่องจากผลลัพธ์ที่ได้จากฟังก์ชันประเภทนี้จะได้ค่าส่งกลับของข้อมูลเป็น double เช่นกัน
- ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ที่ควรทราบ มีดังนี้
1) ฟังก์ชัน acos(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คำนวณหาค่า arc cosine ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุมในหน่วยเรเดียน (radian)
รูปแบบ
acos(x);
2) ฟังก์ชัน asin(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คำนวณหาค่า arc sine ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุมในหน่วยเรเดียน
รูปแบบ
asin(x);
3) ฟังก์ชัน atan(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คำนวณหาค่า arc tan ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุมในหน่วย
เรเดียน
รูปแบบ
atan(x);
4) ฟังก์ชัน sin(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คำนวณหาค่า sine ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุมในหน่วยเรเดียน
รูปแบบ
sin(x);
5) ฟังก์ชัน cos(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คำนวณหาค่า cosine ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุมในหน่วย
เรเดียน
รูปแบบ
cos(x);
6) ฟังก์ชัน tan(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คำนวณหาค่า tan ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุมในหน่วยเรเดียน
รูปแบบ
tan(x);
- โปรแกรมตัวอย่าง แสดงการใช้งานฟังก์ชัน acos(x), asin(x), atan(x), sin(x), cos(x) และ tan(x)
7) ฟังก์ชัน sqrt(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่ารากที่ 2 (square root) ของค่าคงที่หรือตัวแปร x โดยที่ x จะต้องเป็นค่าคงที่ชนิดตัวเลขหรือตัวแปรที่มีค่าไม่ติดลบ
รูปแบบ
sqrt(x);
8) ฟังก์ชัน exp(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า ex โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่จะใช้เป็นค่ายกกำลังของ e โดยที่ e มีค่าประมาณ 2.718282
รูปแบบ
exp(x);
9) ฟังก์ชัน pow(x,y)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า xy
โดยที่
x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่ใช้เป็นตัวฐานซึ่งจะต้องมีค่ามากกว่าศูนย์
y เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่ใช้เป็นค่ายกกำลัง
รูปแบบ
pow(x, y);
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่ารากที่ 2 (square root) ของค่าคงที่หรือตัวแปร x โดยที่ x จะต้องเป็นค่าคงที่ชนิดตัวเลขหรือตัวแปรที่มีค่าไม่ติดลบ
รูปแบบ
sqrt(x);
8) ฟังก์ชัน exp(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า ex โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่จะใช้เป็นค่ายกกำลังของ e โดยที่ e มีค่าประมาณ 2.718282
รูปแบบ
exp(x);
9) ฟังก์ชัน pow(x,y)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า xy
โดยที่
x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่ใช้เป็นตัวฐานซึ่งจะต้องมีค่ามากกว่าศูนย์
y เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่ใช้เป็นค่ายกกำลัง
รูปแบบ
pow(x, y);
- โปรแกรมตัวอย่าง แสดงการใช้งานฟังก์ชัน sqrt(x), exp(x) และ pow(x, y)
10) ฟังก์ชัน log(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า log ฐาน n (natural logarithm) ของค่าคงที่หรือตัวแปร x โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่มีค่าเป็นลบไม่ได้
รูปแบบ
log(x);
11) ฟังก์ชัน log10(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า log ฐาน 10 ของค่าคงที่หรือตัวแปร x โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่มีค่าเป็นลบไม่ได้
รูปแบบ
log10(x);
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า log ฐาน n (natural logarithm) ของค่าคงที่หรือตัวแปร x โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่มีค่าเป็นลบไม่ได้
รูปแบบ
log(x);
11) ฟังก์ชัน log10(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า log ฐาน 10 ของค่าคงที่หรือตัวแปร x โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่มีค่าเป็นลบไม่ได้
รูปแบบ
log10(x);
- โปรแกรมตัวอย่าง แสดงการใช้งานฟังก์ชัน log(x) และ log10(x)
12) ฟังก์ชัน ceil(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการปัดเศษทศนิยมขึ้นของตัวแปร x ถ้า x เป็นตัวเลขจำนวนทศนิยม แต่ถ้า x เป็นเลขจำนวนเต็มจะไม่มีการปัดเศษทศนิยม
รูปแบบ
ceil(x);
13) ฟังก์ชัน floor(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการตัดเศษทศนิยมทิ้งของตัวแปร x ถ้า x เป็นตัวเลขจำนวนทศนิยม แต่ถ้า x เป็นเลขจำนวนเต็มจะไม่มีการตัดเศษทศนิยมทิ้ง
รูปแบบ
floor(x);
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการปัดเศษทศนิยมขึ้นของตัวแปร x ถ้า x เป็นตัวเลขจำนวนทศนิยม แต่ถ้า x เป็นเลขจำนวนเต็มจะไม่มีการปัดเศษทศนิยม
รูปแบบ
ceil(x);
13) ฟังก์ชัน floor(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการตัดเศษทศนิยมทิ้งของตัวแปร x ถ้า x เป็นตัวเลขจำนวนทศนิยม แต่ถ้า x เป็นเลขจำนวนเต็มจะไม่มีการตัดเศษทศนิยมทิ้ง
รูปแบบ
floor(x);
- โปรแกรมตัวอย่าง แสดงการใช้งานฟังก์ชัน ceil(x) และ floor(x)
14) ฟังก์ชัน fabs(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่าสัมบูรณ์ (absolute value) ของค่าคงที่หรือตัวแปร x โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่เก็บค่าตัวเลขจุดทศนิยมที่มีค่าบวกหรือลบก็ได้
รูปแบบ
fabs(x);
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่าสัมบูรณ์ (absolute value) ของค่าคงที่หรือตัวแปร x โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่เก็บค่าตัวเลขจุดทศนิยมที่มีค่าบวกหรือลบก็ได้
รูปแบบ
fabs(x);
- โปรแกรมตัวอย่าง แสดงการใช้งานฟังก์ชัน fabs(x)